วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2562

เหงาว่ะ

เหงาว่ะ                                  

ช่วงนี้รู้สึกเหงาๆยังไงก็ไม่รู้ หรืออาจจะไม่ได้เหงาแค่ช่วงนี้ อาจจะเหงามาตลอด พออยู่กับเพื่อนก็มีความสุขนะ มีเพื่อนคุย เพื่อนไปเที่ยว พยายามหากิจกรรมให้ตัวเองทำ จะได้ไม่ฟุ้งซ่านหรือเหงามาก แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าเหนื่อย อยากนอนพัก อยากอยู่กับตัวเองมากกว่า พอกลับมาอยู่กับตัวเองก็เหงาอีก มันสลับกันไปมาหาจุดพอดีไม่ได้ มันจะมีช่วงที่อยู่กับคนอื่นแล้วมีความสุข และอยู่กับตัวเองแล้วมีความสุข และก็มีช่วงที่อยู่กับคนอื่นแล้วไม่มีความสุข และอยู่กับตัวเองก็ไม่มีความสุข ตอนต้นปีได้เขียนเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จไว้ลงในไดอารี่ส่วนตัว หนึ่งในเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ จะต้องมีความสุขให้กับทุกวันของชีวิต แต่ผ่านต้นปีมาไม่กี่วันก็ไม่มีความสุขแล้ว ฮ่า ๆ เพราะว่าติดเอฟอีกแล้ว ตอนนั้นเศร้ามาก ทุกข์มาก กลับมาในวังวนเดิม คิดว่าแทนที่จะได้พักอยู่บ้านแบบสบายๆ นอนกกนกตอนปิดเทอมกลับต้องมาเรียนซัมเมอร์ ช่วงนั้นความคิดตีกันในหัวสุดๆไปเลยว่า ไหนบอกว่าจะมีความสุขในทุก ๆวันของชีวิตไง แต่ทำไมตอนนี้ถึงร้องไห้ซะแล้วล่ะ แต่เวลาก็ทำให้มันดีขึ้นนะ ก็ทำใจ ปล่อยวาง โทษตัวเองบ้างว่าไม่ตั้งใจเรียนเอง เอฟก็ช่างแม่ง (กำลังปลอบใจตัวเองอยู่) แก้เอาทีหลังก็ได้ หลังจากนั้นเวลามีความทุกข์ที่ส่วนมาก 95% จะมาจากเรื่องเรียน คำสัญญาที่ให้ไว้กับตนเองตอนต้นปีว่า จะมีความสุขในทุก ๆวันของชีวิต’ ก็จะผุดขึ้นมาในหัวอยู่เสมอ มันก็พอได้ผลนะ มันทำให้เราหายเศร้าแล้วมีความสุขขึ้นมาอีกนิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ค่อยทุกข์ใจเหมือนที่ผ่านๆมา อะไรที่เกิดขึ้นสามารถสกัดได้ด้วยคำ ๆเดียวคือคำว่า ช่างแม่ง

การที่คนเราจะมีความสุขในทุกวันของชีวิตแม่งเป็นไปไม่ได้หรอก มนุษย์ไม่ได้มีพลังวิเศษถึงขนาดที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ดีขนาดนั้น

เราว่าปัญหาของเราคือเรื่องเพื่อน หรืออาจจะเรียกว่าปัญหาการเข้าหาคนก็ได้ อีกหรือก็คือการอยู่ร่วมกันกับเพื่อนคนอื่น ๆ มันไม่ใช่ปัญหาที่หมายความว่าเราเป็นคนหยิ่ง หรือเข้ากับเพื่อนไม่ได้นะ แต่เรารู้สึกว่า ถ้าไม่สนิทกันแบบสนิทสนิทแบบนี้ เราอยู่กับตัวเองแล้วมีความสุขมากกว่า อย่างเช่นตอนเช้ากินข้าวที่คณะก่อนขึ้นไปเรียน เราสังเกตว่าคนอื่นจะถือข้าวมาแล้วหาเพื่อนนั่งด้วย เพื่อนนี่ที่ว่าหมายถึง ไม่ได้สนิทกัน แต่คุยกันได้ เจอกันรู้จักกัน แล้วเข้าไปนั่งด้วยกัน แต่เรากลับรู้สึกอึดอัดว่ะ เรารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดีที่เราจะอยู่ตัวคนเดียว เราควรไปทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่น ๆ ในคณะหรือในภาคบ้างแต่เรารู้สึกดีมาก ๆที่จะนั่งคนเดียวแล้วกินข้าวเงียบๆดีกว่า อยากแก้นิสัยของตัวเองตรงนี้จั 

ส่วนเพื่อนที่เรียกว่าสนิทๆในคณะก็มีอยู่ไม่ถึง5คน แต่ละคนก็คือนิสัยเหมือนเราเลยคือชอบอยู่กับเพื่อน และชอบอยู่กับตัวเองด้วย หาจุดกึ่งกลางไม่ได้ 

เราอยากมีเพื่อนเยอะๆนะ เราเคยลองไปหาเพื่อนใหม่ๆด้วย ตอนเข้าภาคแล้วมีค่าย เราได้จับกลุ่มอยู่กับเพื่อนที่เราเคยเห็นหน้าแต่เราไม่เคยคุยด้วย เราคิดว่านี้แหละคือโอกาสที่เราจะได้ทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ พวกเราเล่นเกมกันโดยการจับกลุ่มแล้วหาสิ่งที่พวกเราทั้ง 10 คนในกลุ่มมีสิ่งที่ชอบเหมือนกัน จากนั้นก็เสนอให้อาจารย์ฟัง เพื่อนก็เสนอสิ่งต่าง ๆ มาว่ามีอะไรที่ชอบหรือไม่ชอบบ้าง มีเพื่อนคนหนึ่งเสนอมาว่า มีใครชอบหน้าหนาวบ้าง เกือบทุกคนยกมือว่าชอบหน้าหนาว แต่เราที่เคยไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เจออากาศที่ทั้งหนาวและแห้ง ทำให้เราขยาดกับหน้าหนาวมาก เราเลยบอกว่าเราชอบหน้าร้อนมากกว่า เรากำลังจะบอกเหตุผลว่าทำไมเราถึงชอบหน้าร้อน เพราะเราคิดว่ากิจกรรมแบบนี้เป็นกิจกรรมที่จะให้เพื่อนๆในกลุ่มได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกัน ในขณะที่เรากำลังอ้าปากและเปล่งเสียงออกมาว่า “เราไม่ชอบหน้าหนาวเลยว่ะ เราชอบหน้าร้อนมากกว่าเพราะว่า...” เพื่อนคนหนึ่งก็พูดแทรกขึ้นมาว่า พอ ไม่ต้องพูดหรอก เสียเวลา แล้วจากนั้นก็ถามคำถามต่อไปว่าตกลงใครชอบอะไรบ้าง 

ตอนนั้นความรู้สึกเราคือ แดกจุด กรีดร้องในใจแล้วบอกว่า อีเหี้ย’ ฮ่า ๆ แต่เราไม่ได้โมโหนะ ไม่ได้โกรธด้วย แค่รู้สึกว่า อิหยั๊งวะ หลังจากเหตุการณ์นั้น เราก็ไม่อยากคุยกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย เป็น first impression ที่แย่มาก ๆแล้วเราก็ไม่อยากทำความรู้จักกับใครละด้วย เราคิดว่าเดี๋ยวแรงดึงดูดของโลกแม่งก็เหวี่ยงคนที่เหมือนๆ กันมาให้เราเองแหละ 

เรามีความสุขมาก ๆที่ได้อยู่กับเพื่อนตอนมหาลัย แต่เราว่าความรู้สึกนั้นมันฉาบฉวย มันไม่คงอยู่ ไม่เหมือนความรู้สึกเหมือนเพื่อนสมัยมัธยม อาจเป็นเพราะว่าเรารู้จักกันมาแค่ ปี ไม่เหมือนเพื่อนมัธยมที่รู้จักกันมาทั้งชีวิตตั้งแต่ตอนประถม แต่เพื่อนมหาลัยที่คบกันก็เป็นเพื่อนที่ดีมาก โชคดีที่ได้เจอคนดี ๆและจริงใจ 

ความจริงไม่มีอะไรหรอก แค่มาบ่นให้ฟังเฉยๆว่า เหงาว้อยยยยยยยยย อยากเปลี่ยนนิสัยตัวเองให้เป็นคนที่ active มากขึ้น ออกไปทำกิจกรรมมากขึ้น ฟังเพลง ดูหนัง ดูงานศิลปะ ทำนู่นทำนี่ ขุดตัวเองให้ออกจาก safe zone ของตัวเอง เผื่อว่าจะได้เจอสังคมที่ใช่กับเราจริงๆ แต่เราเป็นคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ เพราะฉะนั้นเวลาเราหากิจกรรมให้ตัวเอง เราจะพยายามหาอีเว้นที่เกี่ยวกับงานศิลปะ ดูหนังนอกกระแส ฟังเพลงนอกกระแส แต่ก็ไม่ได้ไปสักทีนะ เพราะ ขี้เกียจ เป็นปัจจัยแรก และไม่มีใครไปด้วย ปัจจัยรองลงมา เราอยากให้เวลาที่เราไปดูหนัง ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมอะไร จะมีคนที่ into (เราหมายถึงอิน) เรื่องนั้น ๆ กับเราได้ อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่คนๆนั้นมีต่อสิ่งๆหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะถูกหรือผิด แต่ว่าการที่มนุษย์มีมุมมองต่อสิ่งต่าง ๆที่แตกต่างกันไป สิ่งนั้นคือเสน่ห์ของความเป็นมนุษย์ที่เราคิดว่าสิ่งมีชีวิตอื่นไม่น่าจะมี 

สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขทุกวันนี้ก็คือการนอนอ่านนิยาย ฟังเพลงแล้วนั่งหาความหมายของมัน ดูหนังแล้วเสพศิลปะที่สื่อออกมาในงานชิ้นนั้น เล่น pubg(ซึ่งบางทีหัวร้อน) แล้วก็เขียน blogนี้แหละ

อีกความจริงที่จะบอกคือ อยากมีแฟนว่ะ ฮ่าๆๆ เพราะเราคิดว่าคนที่จะมาเป็นแฟนกันได้ทัศนะคติหรือ taste หรือมุมมองต่อโลกและผู้คนต้องคล้ายๆกัน เราเลยคิดว่าถ้ามีแฟน เราจะได้ทั้งเพื่อนที่สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเราได้ สามารถดูแลกันและกันได้ สามารถให้ความรู้สึกที่เพื่อนจะมีให้ไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้นะ เราก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน มีคนมาจีบบ้างประปราย แต่เราว่าคนๆนั้นกำลังหลงผิด ฮ่าๆๆ รู้สึกว่าคนที่เข้ามามันเป็นอะไรที่ฉาบฉวยมากๆ เราอยากให้คนที่มาเป็นแฟนเรา ชอบและตกหลุมรักเราเพราะเราคือเรา ไม่ใช่เข้ามาเพราะว่าเหงาหรือหาเพื่อนคุยเฉยๆ ที่ผ่านมาเราเลยไม่เคยเปิดใจให้คนที่เข้ามาเลย 

เอาเป็นว่าถ้าเราเจอคนๆ นั้นเมื่อไหร่ จะมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน 

ปล. ชาตินี้อาจจะไม่ได้เจอก็ได้ แต่ไม่ซี ถ้าอยู่กับใครแล้วไม่มีความสุข เราอยู่บ้านเลี้ยงนกคนเดียวดีกว่า

ปล.ความจริงมีอีกหลายๆเรื่องที่อยากเล่าแต่ไม่รู้จะเรียบเรียง จัดลำดับความคิดของตัวเองให้ออกมาเป็นตัวอักษรยังไง เอาเป็นว่าถ้ามีจะมาเขียนเพิ่มละกัน 



0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สมัครสมาชิก ส่งความคิดเห็น [Atom]

<< หน้าแรก